“MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025” เวทีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ สู่สิทธิประโยชน์ของคนไทย

หนังสือพิมพ์: แนวหน้า
ฉบับวันที่: 31 ธันวาคม 2014
นายแพทย์ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทยปี 2556 ของกรมอนามัยร่วมกับสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ HITAP พบว่า ร้อยละ 95 ผู้สูงอายุมีความเจ็บป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 41 โรคเบาหวาน ร้อยละ 10 โรคเข่าเสื่อม ร้อยละ 9 เป็น ผู้พิการ ร้อยละ 6 โรคซึมเศร้า ร้อยละ 1 และเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง ร้อยละ 1 ขณะที่ มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่ไม่เป็นโรคหรือปัญหา สุขภาพดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ประกาศ ให้เร่งรัดการดำเนินการระบบการ สร้างเสริม สุขภาวะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง รวมถึงผู้ป่วยในระยะท้ายของชีวิตเป็นนโยบาย สำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการคือการจัด บริการด้านสุขภาพและสังคมรวมถึง มี Care giver และ Care manager อย่าง พอเพียงในสัดส่วน Care manager 1 คนต่อ Care giver 5-7 คน และ Care giver 1 คนต่อผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง 5-7 คน โดยให้บูรณาการเรื่องการนวดไทยเข้าไปใน หลักสูตร Care Manager และ Care giver เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้อยู่ในระยะพึ่งพิง รวมผู้พิการ โดยกำหนดเป้าหมายดำเนินการ 20 จังหวัด ภายในเดือนธันวาคม 2557 และดำเนินการทั่วประเทศภายในเดือนเมษายน 2558