logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

หนังสือพิมพ์: ผู้จัดการออนไลน์

ฉบับวันที่: 10 มิถุนายน 2016

ผลวิจัย HITAP ชี้ปัญหาสุขภาพเด็กประถมไทย ไม่ได้รับการแก้ไขเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดการทำงานร่วมกัน

HITAP เผยผลวิจัยชี้งานอนามัยในโรงเรียนย่ำแย่ มีครูดูแลสุขภาพเด็กทั้ง ร.ร. แค่ 1 – 2 คน แถมไม่มีประสบการณ์ ไม่ผ่านการอบรม อ่านแปลความหมายการบันทึกข้อมูลสุขภาพไม่เป็น ขาดการสนับสนุนจาก รพ. อุปกรณ์ล้าสมัย หวั่นกระทบสุขภาพ นร. ระยะยาว แนะทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน ผลักดันครูประจำชั้นทุกคนทำงานอนามัย ดูแลโภชนาการเด็ก คัดกรองสายตา การฟัง พัฒนาการ ช่องปาก

นายดนัย ชินคำ นักวิจัยโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กล่าวถึงการประเมินการบริการอนามัยโรงเรียนระดับประถมศึกษาในปี 2557 – 2558 ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ว่า จากการวิจัยพบว่า ครูที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านอนามัยโรงเรียน มีเพียง 1 – 2 คนต่อโรงเรียน และเป็นครูที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ มักทำงานน้อยกว่า 2 ปี แต่ต้องดูแลสุขภาพนักเรียนทั้งโรงเรียน ทั้งที่ไม่เคยมีการเรียนการสอนในระบบการศึกษาของครูหรือผ่านการอบรมก่อนรับงานเป็นครูอนามัยของโรงเรียน อีกทั้งขาดระบบสนับสนุนจากโรงพยาบาล เครื่องมืออุปกรณ์ชำรุดล้าสมัย

“นอกจากนี้ ระบบข้อมูลและการรายงานผลสุขภาพเด็กมีหลากหลาย ซ้ำซ้อน บางแบบบันทึกไม่ได้รับการปรับปรุงมานาน ไม่มีการอบรมวิธีใช้เครื่องมือ ทำให้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลสุขภาพเด็ก แม้โรงเรียนจะมีการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง แต่ไม่ได้นำข้อมูลมาแปรผลหรือใช้ประโยชน์ เนื่องจากไม่มีการอบรมครูเกี่ยวกับการอ่านและแปลความหมายของข้อมูลที่บันทึก ทำให้เด็กไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม พบว่าพื้นที่ที่ชุมชนกับโรงเรียนมีส่วนร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้เด็กได้รับการดูแลด้านสุขภาพมากขึ้น” นายดนัย กล่าว

นายดนัย กล่าวว่า งานวิจัยยังพบว่า นอกเหนือจากบริการในระดับบุคคล มาตรการในระดับโรงเรียนหรือระดับชาติ ได้แก่ เรื่องอาหารกลางวัน นมโรงเรียน รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกโรงเรียน เช่น การจัดการขยะ การจัดการร้านค้า การโฆษณาขนมเด็ก ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก ทั้งนี้ ประเด็นเร่งด่วนคือ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมาร่วมกันหารือ ทำให้ครูประจำชั้นทุกคนเป็นครูอนามัยของนักเรียน จัดทำคู่มือมาตรฐานการดูแลสุขภาพที่ระบุบทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง ครู เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้ชัดเจน ปฏิบัติได้จริง โดยเฉพาะเรื่องภาวะโภชนาการ โลหิตจาง ความผิดปกติทางสายตาและการได้ยิน และอนามัยในช่องปาก จัดให้มีระบบรายงานและติดตามเพียงระบบเดียวที่สามารถใช้ได้ทุกหน่วยงานของรัฐและผู้ปกครองเพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนและเป็นภาระการรายงาน รวมถึงจัดอบรมครูทั้งหมดให้มีความสามารถในการดูเด็กนักเรียนตามคู่มือมาตรฐานและใช้ประโยชน์จากระบบรายงานเพื่อติดตามความก้าวหน้าและค้นหาปัญหาเร่งด่วนเพื่อส่งต่อ

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

28 มิถุนายน 2559

Next post > Public Lecture on Disease control priorities: improving health and reducing poverty by Prof. Dean Jamison (Only 120 Seats available)

< Previous post นักวิจัย HITAP ร่วมประชุมเพื่อสนับสนุนการนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เวียดนาม

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด