“MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025” เวทีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ สู่สิทธิประโยชน์ของคนไทย

นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ นักวิชาการและหัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือ ไฮแทป(HITAP) กล่าวถึงกรณีข่าวการตรวจสุขภาพที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ไม่ได้มาตรฐานและมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของการตรวจสุขภาพประจำปีว่า ปัจจุบันในหลายประเทศมีการทำมาตรฐานการตรวจสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับประชาชน โดยมีรูปแบบของคณะกรรมการระดับชาติในการกำหนดเกณฑ์ความปลอดภัย และการติดตามผลกระทบ ซึ่งจากการติดตามศึกษาผล กระทบ ทำให้หลายประเทศเริ่มมีการประกาศไม่ให้มีการตรวจสุขภาพ บางกรณี สำหรับประเทศไทยพบว่า ปัจจุบันปริมาณการตรวจสุขภาพของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยข้อมูลที่ประชาชนเสียเงินเพื่อตรวจสุขภาพเอง ในปี 2552 อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท เทียบกับปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านบาท
นพ.ยศกล่าวอีกว่า จากการทำวิจัยเรื่อง การตรวจคัดกรองสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย ซึ่งกำลังจะมีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ พบว่า การตรวจสุขภาพหรือการคัดกรองสุขภาพที่ไม่รวมการตรวจสุขภาพที่ไม่เกี่ยวกับการยืนยันโรค หรือเพื่อรักษาโรคนั้น ควรหลีกเลี่ยงการคัดกรองแบบเหวี่ยงแห ที่เป็นการตรวจแบบไร้จุดเป้าหมาย เพราะมีโทษมากกว่าประโยชน์ และก่ออันตรายต่ออวัยวะอื่น เช่น การเอกซเรย์ การตรวจการทำงานของตับ ไต หรือการใช้เครื่องซีทีสแกน ซึ่งมีรังสีมากกว่าการเอกซเรย์ 100 เท่า โดยการตรวจแบบเหวี่ยงแหมีโอกาสจะเกิดผลบวกลวงขึ้น ซึ่ง ส่งผลต่อจิตใจผู้ป่วยและเกิดการรักษาที่ไม่จำเป็น เช่น การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพิ่ม เป็นต้น
“การวิจัยดังกล่าวผ่านความคิดเห็นจาก ผู้เชี่ยวชาญ และราชวิทยาลัยต่างๆ โดยจะเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำไปใช้ประกอบการทำงานเชิงนโยบายต่อไป โดยโปรแกรมการตรวจคัดกรองที่ไฮแทป เสนอจะมี 12 เรื่อง คือ การตรวจเอชไอวี การตรวจโรคตับแข็ง มะเร็งตับ การตรวจโลหิตจาง ภาวะทุพโภชนาการ โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งปากมดลูก ปัญหาการดื่มสุรา และการตรวจสายตา ซึ่งได้กำหนดช่วงวัยที่เหมาะสมและจำนวนการตรวจไว้ ที่สำคัญประชาชนควรได้รับทราบข้อดี ข้อเสียของการตรวจสุขภาพ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ที่สำคัญยังช่วยประหยัดงบประมาณ เช่น สิทธิข้าราชการปัจจุบันพบว่าอัตราการตรวจอยู่ที่ 530-1,200 บาท หากตรวจตามโปรแกรมดังกล่าวจะเหลืออยู่ที่ 380-400 บาทต่อคนต่อปีเท่านั้น” นพ.ยศกล่าว