logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

หนังสือพิมพ์: ผู้จัดการออนไลน์

ฉบับวันที่: 18 พฤษภาคม 2016

หนุนเพิ่ม “วัคซีนมะเร็งปากมดลูก” ในสิทธิบัตรทอง แนะต่อรองราคาไม่เกิน 200 บาทต่อเข็ม

กก. หลักประกันสุขภาพ เห็นด้วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ “วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก” ในระบบบัตรทอง แนะต่อรองราคาจนเหมาะสมตามผลการศึกษา ไม่เกิน 200 บาทต่อเข็ม ก่อนบรรจุเป็นบัญชียาหลักฯ

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา มีข้อเรียกร้องของฝ่ายต่าง ๆ ที่เสนอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่ดีเพื่อการพัฒนาสิทธิประโยชน์ร่วมกัน แต่การที่บอร์ด สปสช. จะเพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนเข้าสู่ระบบได้นั้น ตามระบบแล้ววัคซีนนั้นจะต้องได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนนี้มีคณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติเป็นผู้ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา ทั้งด้านการแพทย์ เศรษฐศาสตร์และจริยธรรม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ศึกษาข้อดีข้อเสีย ไม่ใช่เอาวัคซีนทุกตัวเข้ามาอยู่ในระบบ

วัคซีนหลายตัวที่กลุ่มผู้เคลื่อนไหวสนับสนุน เช่น วัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้า ถึงแม้จะเป็นวัคซีนที่ดีสำหรับประเทศยากจนหลายประเทศ แต่ก็มีข้อเสียร้ายแรงได้ เพราะองค์การอนามัยโลกระบุว่าทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง คือ ภาวะลำไส้กลืนกัน ทำให้เด็กเสียชีวิตได้ 1 – 2 คนทุกปี หากนำมาฉีดในประเทศไทย จึงต้องวิเคราะห์ให้รอบครอบว่าได้จะคุ้มเสียไหม

หรือวัคซีนไอกรนใหม่ชนิดไร้เชื้อที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน ซึ่งพบว่ามีปัญหามาก เพราะมีระยะเวลาในการป้องกันโรคไม่นานเมื่อเทียบกับวัคซีนแบบเดิมที่บ้านเรายังใช้อยู่ และมีราคาแพงกว่าด้วย หลายประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ต่างประสบปัญหา เพราะเกิดโรคกลับมาระบาดตอนเด็กโตขึ้นเป็นวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ องค์การอนามัยโลกถึงกับออกมาเตือนให้ประเทศที่ยังไม่เปลี่ยนมาใช้วัคซีนแบบใหม่ให้ใช้วัคซีนแบบเดิมไปก่อน

น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนป้องกัน HPV หรือโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น เห็นด้วยที่ควรต้องบรรจุในสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ต้องต่อรองจนได้ราคาเหมาะสม เช่น ข้อมูลของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือ ไฮแทป กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า วัคซีนนี้น่าจะใช้ในประเทศไทยหากสามารถต่อรองราคาลงมาที่ประมาณ 200 บาทต่อเข็ม จากที่เคยขายในประเทศไทยในช่วงแรก ๆ เข็มละเกือบ 5 พันบาท ซึ่งราคา 200 บาทต่อเข็ม น่าจะเป็นไปได้ เพราะปัจจุบันบริษัทวัคซีนก็ขายให้กับองค์กรนานาชาติที่ซื้อวัคซีนแจกให้กับประเทศยากจนในราคาเพียงเข็มละ 150 บาท ซึ่งประเทศไทยไม่อยู่ในข่ายได้รับการสนับสนุน

“ดังนั้น ก่อนจะนำวัคซีนเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ และบรรจุเพิ่มเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เราควรต่อรองกับภาคเอกชนจนได้ราคาที่เหมาะสมก่อน เพื่อประโยชน์ของประเทศ การออกมาบอกให้รับแล้วค่อยไปคุยกันเรื่องราคาจะทำให้ประเทศต้องใช้วัคซีนแพงกว่าที่ควรจะเป็น สิ้นเปลืองงบประมาณ บริษัทเอกชนที่ขายวัคซีนก็ไม่ใช่ของคนไทย เราไม่ควรให้เขาได้กำไรไปมากกว่านี้ เพาะแต่ละปีบริษัทยาและวัคซีนทำกำไรมหาศาลทุกปี” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว

 

10 มิถุนายน 2559

Next post > ผลวิจัย HITAP ชี้ปัญหาสุขภาพเด็กประถมไทย ไม่ได้รับการแก้ไขเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดการทำงานร่วมกัน

< Previous post รู้จัก “โรคหืด”

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด