MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025: จุดเปลี่ยนจาก “งานวิจัยขึ้นหิ้ง” สู่ “นวัตกรรมเพื่อระบบสาธารณสุขไทยที่ยั่งยืน”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2-29-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1
หน่วยงานสาธารณสุข จับมือพัฒนาระบบส่งต่อ-รับกลับผู้ป่วย 29 จังหวัดรอบกทม.
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประกาศความร่วมมือในการกำหนดพื้นที่การส่งต่อผู้ป่วยและรับกลับระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสปสช โรงพยาบาล(รพ.)ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่รอบกรุงเทพฯกับรพ.สังกัดมหาวิทยาลัย รพ.สังกัดกรมการแพทย์ และสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมนี้
นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสปสช.พัฒนาระบบบริการสุขภาพ 2 เรื่องใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ สะดวกและรวดเร็วรวมทั้งบูรณาการสิทธิของผู้ป่วย 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐให้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน ได้แก่ 1.การจัดแผนพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย ในรูปของเครือข่ายบริการที่ไร้รอยต่อ (Seamless Health Service Network) เชื่อมโยงบริการ 3 ระดับเข้าด้วยกันตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ซ้ำซ้อน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ประการที่ 2.การสร้างเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วยจากต่างจังหวัดที่ป่วยฉุกเฉินหรือป่วยด้วยโรคที่มีความยุ่งยากซับซ้อนเพื่อเข้ารักษาต่อในโรงพยาบาลที่อยู่ในกทม.ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีเทคโนโลยีชั้นสูง ได้แก่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สังกัดมหาวิทยาลัย และสังกัดสภากาชาดไทย แก้ไขปัญหาเตียงเต็มหรือเตียงไม่ว่าง โดยได้ตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระบบส่งต่อผู้ป่วยระดับประเทศ 1 ชุดมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช.เป็นเลขานุการ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งนี้ในปี 2554 มีผู้ป่วยส่งต่อเข้ารักษาในพื้นที่กทม.รวม 89,778 ราย อันดับ1 ที่รพ.ราชวิถี 13,386 ราย รองลงมาคือรพ.ศิริราช 12,933 ราย รพ.รามาธิบดี 8,455 ราย สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ 7,947 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับเลนซ์และจอประสาทตา
นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า การวางระบบเครือข่ายการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยเบื้องต้นนี้ จะเริ่มในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่รอบกทม. 29 จังหวัดก่อน โดยมีโรงพยาบาลที่อยู่ในกทม. 6 แห่งเป็นแม่ข่าย แบ่งเป็น 4 โซนดังนี้
1.รพ.ศิริราช ดูแล 8 จังหวัดได้แก่ ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
2.รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ดูแล 7 จังหวัดได้แก่ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และปราจีนบุรี
3.รพ.ราชวิถี สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ดูแล 7 จังหวัดได้แก่ สระบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี นนทบุรี ปทุมธานี นครนายก และอ่างทอง และ
4.รพ.รามาธิบดีดูแล 7 จังหวัดได้แก่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ โดยสปสช.จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
ทั้งนี้เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้วจะมีการประสานส่งกลับไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลเดิมที่ส่งตัวไป เพื่อลดความแออัดผู้ป่วยในโรงพยาบาลใหญ่ในกทม.และจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ลดภาระด้านค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยให้สามารถรับบริการได้ที่สถานบริการใกล้บ้าน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป จากนั้นจะมีการประเมินผลและขยายในภูมิภาคอื่นๆต่อไป