ขอเชิญบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมตอบแบบสำรวจ เรื่อง มุมมองต่อหัตถการหรือมาตรการ (ต้องสงสัย) ที่อาจมีคุณค่าต่ำ
![](https://www.hitap.net/wp-content/uploads/2024/11/Blog-Low-value-care_บุคลากรทางการแพทย์_04Dec.jpg)
หนังสือพิมพ์: ข่าวสด
ฉบับวันที่: 17 สิงหาคม 2015
นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) นำเสนอโครงการชัดแจ๋ว : ตรวจตาเด็ก…เพื่ออนาคตไทย ในงานแถลงข่าว “โครงการเมธีวิจัยอาวุโส เชื่อมงานวิจัยสู่นโยบาย” จัดโดย HITAP และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ว่า เด็กที่เกิดมาพร้อมภาวะสายตาผิดปกติ คือ สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง จะไม่ทราบว่าสายตาตัวเองผิดปกติ เพราะเห็นภาพมัวมาตั้งแต่เกิด จะรู้ได้เมื่อใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เด็กมีปัญหาการเรียน หากไม่แก้ไขจะนำมาสู่ภาวะตาขี้เกียจ นำมาสู่ภาวะตาบอดได้
นพ.ยศกล่าวต่อว่า ไทยเคยลงนามมาแล้วกว่า 10 ปี ว่าจะร่วมคัดกรองภาวะสายตาผิดปกติในเด็ก แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรศาสตร์มีจำนวนน้อย HITAP ได้ศึกษาว่าหากพัฒนาระบบการคัดกรองสายตาผิดปกติในเด็ก และจัดหาแว่นสายตาให้เด็กก่อนวัยประถม เพื่อบรรจุลงในสิทฺประโยชน์หลักประกันสุขภาพ จะคุ้มค่าหรือไม่ โดยดำเนินโครงการในเด็กอายุ 3-12 ปี 5,461 คน และให้ครูประจำชั้นคัดกรอง โดยจัดทำคู่มือและอบรมให้ครู และพัฒนาอุปกรณ์ประเมินสายตาเด็ก จากเดิมใช้ตัวเลข ซึ่งเด็กอาจอ่านผิด มาใช้แผนภูมิรูปทรงแทน ในกลุ่มตัวอย่างมีเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสายตาผิดปกติ 6.6 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 300 คน จำเป็นต้องใช้แว่นสายตา 4.1 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้มีแว่นใส่อยู่ก่อนหน้าแล้วเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่แว่นเดิมมีความถูกต้องตามค่าสายตาเด็กเพียง 0.25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับจำนวนเด็กช่วงอายุดังกล่าวทั้งประเทศ
คาดว่าน่าจะมีเด็กที่มีสายตาผิดปกติ 5.7 แสนคน โดยประมาณ 3.5 แสนคน จำเป็นต้องใส่แว่น มีเด็กที่ตัดแว่นแล้วประมาณ 3.5 แสนคน จำเป็นต้องใส่แว่น มีเด็กที่ตัดแว่นแล้วประมาณ 8 หมื่นคน แต่ใส่แว่นถูกต้องกับค่าสายตาประมาณ 2 หมื่นคนเท่านั้น ซึ่งหากดำเนินการโครงการนี้ทั้งประเทศได้ จะสามารถช่วยเหลือการแก้ไขสายตาเด็กได้มากกว่า 3 แสนคน การคัดกรองแบบนี้จึงคุ้มค่า
ติดตามชมคลิปวีดีโอโครงการชัดแจ๋วได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=nhbq37eSbL4