“MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025” เวทีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ สู่สิทธิประโยชน์ของคนไทย

หนังสือพิมพ์: มติชน
ฉบับวันที่: 14 สิงหาคม 2015
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือ ไฮแท็ป (HITAP) และภญ.วรัญญา รัตนวิภาพงษ์ นักวิจัยไฮแท็ป ร่วมแถลงข่าว “โครงการเมธีวิจัยอาวุโส เชื่อมงานวิจัยสู่นโยบาย”
นพ.ยศแถลงว่า ได้ประเมินความคุ้มค่าทางการแพทย์ของการใช้บริการตรวจยีน HLA-B*1502 (เอชแอลเอ บี 1502) เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงในกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome: SJS) และ หรือโรคเอสเจเอส Toxic epidermal necrolysis (TEN) จากยาคาร์บามาเซปีน (Carbamazepine) เนื่องจากพบว่ายีน HLA-B*1502 มีโอกาสพบมากในผู้ป่วยโรคลมชักและภาวะปวดปลายประสาท (Neuropathicpain)
“ที่ผ่านมาผู้ป่วยที่มีอาการผื่นแพ้ยาในกลุ่มนี้ทุกข์ทรมารมาก หากหาทางป้องกันด้วยการตรวจยีนได้ก็จะช่วยได้ทางหนึ่ง ทีมวิจัยจึงเสนอสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้เพิ่มเข้าสู่สิทธิประโยชน์ เบื้องต้นคณะอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการ สปสช. พิจารณาว่าควรมีการเพิ่มสิทธิดังกล่าว แต่ต้องเฉพาะผู้ป่วย 2 กลุ่มที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยว่าจำเป็นต้องตรวจ และจะมีการเสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง บอร์ด สปสช.ต่อไป” นพ.ยศ กล่าว
ภญ.วรัญญา แถลงว่า การตรวจยีนกำลังเป็นที่น่าสนใจในวงการสาธารณสุข เพราะสามารถประเมินความเสี่ยงในการเกิดผื่นแพ้ยาของผู้ป่วยแต่ละคนได้ และว่า ยีนดังกล่าวพบมากในคนเอเชีย หากคนที่มียีนชนิดนี้ได้กินยาคาร์บามาเซปีนจะมีโอกาสขึ้นผื่นแพ้มากกว่า 55 เท่า ดังนั้น หากตรวจยีนนี้ได้ก็มีโอกาสลดการเกิดผื่นแพ้ ขณะที่ในไต้หวันประกาศให้มีการตรวจยีนชนิดนี้ในชุดสิทธิประโยชน์แล้ว
“ที่ผ่านมาสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 9 แห่ง และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ได้พัฒนาวิธีการตรวจและเปิดให้บริการตรวจด้านเภสัชพันธุศาสตร์ รวมทั้งการตรวจคัดกรองยีนดังกล่าว จากการประมาณการมีผู้ป่วยใหม่ที่จะได้รับยาคาร์บามาเซปีน 14,183-55,314 คนต่อปี และในกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็เปิดบริการตรวจดังกล่าวเช่นกัน” ภญ.วรัญญา แถลง