ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP
สธ. แนะนำผู้บริโภคเนื้อสัตว์ปีก ตรุษจีนปีนี้เน้นอาหารปรุงสุกสะอาด ปลอดภัยจากไข้หวัดนก
วันนี้ (17 มกราคม 2555) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงประชาชนจากโรคไข้หวัดนก แม้ว่าในขณะนี้ประเทศไทยจะยังไม่มีการติดเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกก็ตาม แต่ไทยมีความเสี่ยง 2 ประการ คือ 1.จากนกตามธรรมชาติอพยพย้ายถิ่นข้ามประเทศ และ 2.ขณะนี้สภาพอากาศของประเทศไทยหนาวเย็นซึ่งจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสทุกชนิด ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันเฝ้าระวังโรคอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้บริโภคเนื้อสัตว์ปีกในช่วงตรุษจีนปีนี้ควรเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปีกที่สด ไม่มีรอยช้ำ หรือมีจุดเลือดออกกระทรวงสาธารณสุข จึงได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคและกรมอนามัย ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานเอกชนต่างๆ จัดโครงการเพื่อการรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดนก และเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้การป้องกันโรคไข้หวัดนก แก่กลุ่มผู้ประกอบการค้าสัตว์ปีกต่างๆ และประชาชนที่บริโภคสัตว์ปีก
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันตรุษจีนปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 23 มกราคม 2555 เป็นช่วงเทศกาลสำคัญของชาวจีนที่จะประกอบพิธีไหว้เจ้าบรรพบุรุษโดยใช้เนื้อสัตว์ปีกประเภท ไก่ เป็ด เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีการจำหน่ายเนื้อสัตว์ปีกเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคนของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ยังไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ.2549-2554 แต่โรงพยาบาลทุกแห่งยังคงเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการโรคทางเดินหายใจ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม ปอดอักเสบ โดยจะมีการซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีก หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติทุกราย ส่วนสถานการณ์การเกิดโรคไข้หวัดนกทั้งในสัตว์และคนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้กับประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก(H5N1) และเสียชีวิต 1 ราย ในประเทศจีน พบการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก(H5N1) ในไก่ ที่ประเทศเวียดนาม พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก (H5N1) และเสียชีวิต 1 ราย ที่ประเทศอินโดนีเซีย และพบผู้ป่วยไข้หวัดนกเพิ่มเติม 1 ราย ที่ประเทศกัมพูชา จากข้อมูลดังกล่าวถือว่าเป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้
ด้านนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำประชาชนผู้บริโภคเนื้อสัตว์ปีก เพื่อให้ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยจากโรคต่างๆ รวมทั้งโรคไข้หวัดนก เบื้องต้น 7 ข้อ ดังนี้
1. เลือกซื้อเป็ดไก่ ที่ดูสดใหม่ เนื้อไม่มีสีคล้ำ ผิวหนังหรือเครื่องในไม่มีจ้ำเลือด
2. ไข่ไก่และไข่เป็ด ควรเลือกฟองที่ดูสดใหม่ และไม่มีมูลติดเปื้อนที่เปลือกไข่ และควรนำมาล้างให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร
3. ขณะประกอบอาหาร ไม่ควรใช้มือที่เปื้อนมาจับต้องจมูก ตา และปาก และหมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจับต้องเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่มีมูลสัตว์เปื้อน
4. แยกเขียงสำหรับหั่นอาหารดิบ อาหารที่ปรุงสุกแล้ว หรือผักผลไม้โดยเฉพาะไม่ใช้เขียงเดียวกัน
5. เนื้อไก่ เป็ด และไข่ไก่/ไข่เป็ด ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดถือว่ามีความปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน ไม่ควรรับประทานแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ และ เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้นควรเลือกซื้อเป็ด ไก่ซึ่งผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์ โดยสังเกตได้จากสายรัดขาสัตว์ปีก ที่ระบุข้อความและหมายเลขของกรมปศุสัตว์
6. ไก่และเป็ดที่ขายในท้องตลาดเพื่อใช้ในพิธีเซ่นไหว้ในช่วงตรุษจีน มักนิยมต้มแบบไม่ให้สุกมากนัก ดังนั้นก่อนจะนำมารับประทาน ควรนำมาปรุงให้สุกอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมั่นใจในการนำไปบริโภคต่อไป
7. สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ปีก ไม่ควรสัมผัสสัตว์ปีกด้วยมือเปล่า หากจำเป็นต้องอุ้มสัตว์ปีกให้ระวังไม่ให้สัตว์ปีกสัมผัสกับหน้า จมูก หรือปาก ไม่สัมผัสสารคัดหลั่งจากสัตว์ปีก เช่น น้ำมูก หรือน้ำลาย และต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่หลังจับสัตว์ปีกทันที
“นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่จะซื้อสัตว์ปีกมาชำแหละเองต้องระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะการเลือกสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่สะอาดและปลอดภัย ไม่มีสิ่งปนเปื้อนและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ประชาชนควรเลือกสถานที่ที่มีการติดป้าย “ตลาดสด น่าซื้อ” หรือ “ป้ายรับรองสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์สะอาด(เขียงสะอาด)” ที่ติดไว้หน้าร้านจำหน่าย เพื่อความมั่นใจแก่ประชาชนที่เลือกซื้ออาหารสำหรับนำไปประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และความปลอดภัยในเรื่องการบริโภคสัตว์ปีกและหากประชาชนมีอาการ ไข้ ปวดหัว หนาวสั่น เจ็บคอ ไอ มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ภายใน 7 วัน ต้องรีบไปสถานพยาบาลโดยเร็ว เพื่อรับการตรวจคัดกรองและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป และสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333” นายแพทย์พรเทพ กล่าว
18 มกราคม 2555