วัคซีนเอดส์ฉีดได้ผลแค่ปีแรก
http://www.thaipost.net/news/070911/44586
นักวิจัยเตรียมศึกษาวัคซีนเอดส์เพิ่ม หลังนำวัคซีนผลวิจัยครั้งล่าสุดที่มีค่าป้องกัน 31.2% ฉีดให้อาสาสมัคร พบสามารถเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ 60% แต่ยังมีผลสั้นๆ แค่ช่วงปีแรกเท่านั้น วิจัยเพิ่มให้มีผลป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานกว่าเดิม ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยพุ่ง 27 รายต่อวัน
ศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ทำการทดสอบวัคซีนเอดส์อย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 15 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่เพื่อหาประสิทธิผลของวัคซีน 2 โครงการที่มีอาสาสมัครเข้าร่วมจำนวน 20,000 คน ซึ่งผลการวิจัยล่าสุดพบว่าสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้ร้อยละ 31.2 โดยเฉพาะในปีแรกที่พบว่ามีภูมิต้านทานสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 60 ดังนั้นนักวิจัยจึงมีแนวคิดต่อยอดการวิจัยอีก 2 ลักษณะ คือ 1.นำผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการที่ได้รับวัคซีนแล้วสามารถป้องกันการติดเชื้อได้จำนวน 160 คน มารับวัคซีนเพิ่มอีก 2 ครั้ง เพื่อหาค่าภูมิต้านทานการสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานกว่าเดิม โดยจะเริ่มโครงการในปลายปี 2554 และ 2.ใช้อาสาสมัครรายใหม่ที่มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อน้อย อายุตั้งแต่ 18-45 ปี จำนวน 300 คน มาทำการศึกษา โดยการให้วัคซีนกระตุ้นอีก 4 ครั้ง และทำการติดตามผลทุก 6 เดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนโครงการ
ด้าน รศ.นพ.ประตาป สิงหศิวานนท์ ประธานคณะกรรมการเจ้าภาพจัดการประชุมเอดส์วัคซีน ว่า คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการ AID Vacc Conferrence 2011 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 12-15 ก.ย.2554 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมดังกล่าวในเอเชีย โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นศูนย์การศึกษาวิจัยวัคซีนโรคเอดส์ที่มีประสิทธิภาพ
รศ.นพ.ประตาปกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะมีนักวิทยาศาสตร์มาร่วมงานประมาณ 1,000 คน จาก 40 ประเทศทั่วโลก มีผู้บรรยายทรงคุณวุฒิ จำนวน 51 คน รวมถึงมีการนำเสนอผลการวิจัย 471 เรื่อง ที่จะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยของประเทศไทยได้เพิ่มเติมและแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกอีกด้วย
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ได้เห็นชอบการตั้งกลุ่มเป้าหมายยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 มีเป้าหมาย 3 ประการ คือ 1.ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลง 2 ใน 3 2.ทำให้ผู้ติดเชื้อทุกรายเข้าถึงการดูแล รักษาที่มีคุณภาพ อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อลดการเสียชีวิตลง ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าลดการเสียชีวิตจากวัณโรค ซึ่งมีสาเหตุจากการติดเชื้อเอชไอวีลงมากกว่าร้อยละ 50 3.ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อประสิทธิผลของการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์
ด้าน พญ.เพชรศรี ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการประมาณการจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในประเทศไทย คาดว่าในปี 2554 มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 27 คน หรือ 10,097 ต่อปี และจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ โดยปี 2558 จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,184 คน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากปี 2532-2554 พบว่าผู้ติดเชื้อที่ติดยาเสพติดมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีแผนลดอัตราการใช้สารเสพติด (Core Programs of Harm Reduction) 4 ข้อ คือ 1.ส่งเสริมให้ลดการใช้เข็มฉีดยา 2. ส่งเสริมการให้สารทดแทนสารเสพติดหรือเมทาโดน 3.ส่งเสริมให้ผู้ติดยาเข้าถึงการบำบัด และ 4.การบำบัดดูแล
“โครงการนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติให้ดำเนินการใน 10 จังหวัด และกำลังจะขยายเพิ่มเติมเป็น 21 จังหวัด” พญ.เพชรศรีกล่าว.
มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ
สำนักงานใหญ่ : 88/22 หมู่ที่ 4 อาคาร 6 ชั้น 6 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
โทร : +662-590-4549
โทรสาร : +662-590-4369
E-mail : [email protected]
