“MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025” เวทีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ สู่สิทธิประโยชน์ของคนไทย

น.พ.สุริยเดว ชี้ว่าระยะเวลาแค่ 3-6 เดือน อาจทำให้เด็กเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างเด็กสายพันธุ์ใหม่ ก้าวร้าว รุนแรง ไม่ใช้เหตุผลแก้ปัญหา เห็นกฎหมู่เป็นเรื่องถูก ไม่เคารพกฎกติกาสังคม แนะผู้ปกครองต้องดูแลใกล้ชิด
นพ.สุริยเดว กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองต่อเด็กและเยาวชนว่า ที่ผ่านมามีการควบคุมสื่อที่มีความรุนแรงเพื่อไม่ให้เด็กได้รับผลกระทบ แต่ข่าวสารปัจจุบันรวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่เด็กและเยาวชนได้พบเห็นจากประสบการณ์ตรง ถือเป็นความรุนแรงที่จะกระทบต่อจิตใจและพฤติกรรมของเด็กโดยตรง ซึ่งยิ่งกว่าความรุนแรงที่ได้รับจากสื่อทั่วไป
“การใช้วาจาที่ก้าวร้าว เร้าอารมณ์ ท้าทาย แสดงท่าทางขาดสติ หรือการไม่เคารพกฎหมาย ใช้ความรุนแรงต่อกัน กระทบต่อต้นทุนชีวิตของเด็กหลายด้าน โดยเฉพาะเด็กที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตนเองจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นได้ในเด็กทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กถึงเด็กโต ขึ้นอยู่กับเด็กได้รับรู้และซึมซับสิ่งที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด อาจจะใช้เวลาเพียง 3-6 เดือนเท่านั้นที่พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิตว่าเข้มแข็งเพียงใด” นพ.สุริยเดว กล่าว
นพ.สุริยเดว กล่าวต่อว่า ผลที่จะเกิดขึ้นจะทำให้เด็กและเยาวชนเกิดพฤติกรรมดังนี้
1.ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
2.ไม่เคารพกฎกติกาของบ้านเมือง สังคม เกิดความหวาดผวาสังคม ไม่ไว้วางใจกัน มองโลกในแง่ร้าย คิดจับผิดเพียงอย่างเดียว
3.ยอมรับความรุนแรงว่าเป็นเรื่องปกติ คิดว่ากฎหมู่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ หากมีพวกมากกว่าก็สามารถเอาชนะหรือทำสิ่งที่ต้องการได้
4.ขาดความเมตตาต่อเพื่อมนุษย์ ขาดความมีจิตอาสา ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถให้อภัยได้
“ขณะ นี้เด็กกำลังขาดแบบอย่างที่ดีของสังคม เพราะเห็นแต่ภาพความขัดแย้ง การใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา ทั้งในและนอกจอ ซึ่งหากเด็กขาดต้นทุนที่ดี และเห็นแต่การแสดงออกที่ไม่เหมาะสมจะทำให้สังคมเกิดเด็กสายพันธุ์ใหม่ มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ การใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา เมื่อให้ความสำคัญว่าสื่อรุนแรงมีผลต่อเด็ก การรับข่าวและสถานการณ์การเมืองก็ทำให้เกิดความรุนแรงได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ปกครองจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด” นพ.สุริยเดว กล่าว
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด และอธิบายให้หนูๆ เข้าใจว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นคือ การยอมรับความแตกต่างทางความคิด พูดคุยกันด้วยเหตุผล และข้อเท็จจริง ไม่ใช้ความรุนแรง แต่หากตัวคุณพ่อคุณแม่เองเครียดกับสถานการณ์การเมืองมากก็ควรหาทางผ่อนคลายบ้าง ก่อนที่จะแสดงอาการอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลให้เด็กๆ เห็นเป็นแบบอย่าง