logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

กรมการแพทย์แนะวิธีใส่ใจและดูแล “น้ำกัดเท้า” ปัญหาสำคัญที่มากับน้ำท่วม

http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=34437

         นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า  หลายพื้นที่ในประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัย ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวต้องเผชิญกับโรคภัยต่างๆ  เนื่องจากกระแสน้ำจะพัดพาสิ่งสกปรก เชื้อโรค ของเสีย และสารเคมี กระจายเป็นวงกว้าง  ซึ่งปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินย่ำน้ำหรือแช่อยู่ในน้ำนานๆ ก็คือ น้ำกัดเท้า ที่เป็นจุดอ่อนทำให้เชื้อโรคที่มากับน้ำเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย


          อาการน้ำกัดเท้าแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 โรคน้ำกัดเท้าในระยะนี้ ยังไม่มีเชื้อรา เป็นเพียงอาการระคายเคืองจากความเปียกชื้นและสิ่งสกปรกในน้ำ ทำให้เท้าเปื่อย ลอก แดง คัน และแสบ โดยเฉพาะตามง่ามนิ้วเท้าและขอบเล็บ ซึ่งผิวหนังอักเสบในระดับนี้ยังไม่มีเชื้อโรคใดๆ เข้าไปในบาดแผลได้ การรักษาระดับนี้ควรใช้ยาทาที่ผสมสเตียรอยด์ ไม่จำเป็นต้อง ใช้ยาฆ่าเชื้อราเพราะยาบางชนิดจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแสบผิวหนังมากขึ้น และเมื่อสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่อยู่ในน้ำจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย  สำหรับระดับที่  2  ผู้ป่วยจะมีแผลเล็ก ๆ ที่เกิดจากผิวหนังอักเสบและมีเชื้อโรคเข้าไปทางบาดแผล โดยมีอาการบวมแดง เป็นหนองและปวด ควรให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาตามอาการของผู้ป่วย อนึ่งหากปล่อยให้มีอาการโรคน้ำกัดเท้าอยู่นาน ผิวที่ลอกเปื่อยและชื้นจะติดเชื้อราทำให้เป็นโรคเชื้อราที่ซอกเท้ามีอาการบวมแดง มีขุยขาวเปียก มีกลิ่นเหม็น และถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นเรื้อรัง เชื้อราจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในผิวหนังรักษาหายยาก ถึงแม้จะใช้ยาทาจนอาการดีขึ้นดูเหมือนหายดีแล้ว แต่มักจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่เมื่อเท้าอับชื้น  ก็จะเกิดเชื้อราลุกลาม ขึ้นมาใหม่ ทำให้เกิดอาการเป็น ๆ หาย ๆ  เป็นประจำ ไม่หายขาด


         สำหรับคำแนะนำในการดูแลและป้องกันน้ำกัดเท้า ได้แก่ หลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำนาน ๆ หากจำเป็นต้องลุยน้ำให้สวมรองเท้าบูทกันน้ำ  อีกทั้งยังเป็นการป้องกันของมีคมที่อยู่ในน้ำทิ่มหรือตำเท้า รวมทั้งรีบทำความสะอาดเท้าด้วยน้ำสะอาด  ฟอกสบู่ และเช็ดเท้าให้แห้งเมื่อเสร็จธุระนอกบ้าน  ซึ่งการรักษาความสะอาดให้เท้าแห้งอยู่เสมอเป็นหลักปฏิบัติสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคนี้ โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษที่บริเวณซอกนิ้วเท้า นอกจากนี้  หากพบว่ามีบาดแผลตามผิวหนังไม่ควรสัมผัสน้ำสกปรก  เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย  หากเป็นไปได้ ควรทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำสะอาดและด่างทับทิมวันละครั้ง  อย่างไรก็ตามเมื่อมีแผล ผื่น ที่ผิวหนังควรพบแพทย์  โดยทายาหรือรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

1 พฤศจิกายน 2553

Next post > “จุรินทร์” สั่งรพ.หาดใหญ่เตรียมป้องกันน้ำเข้าท่วมรพ.เต็มที่ ให้สำรองออกซิเจนเต็มอัตราใช้ได้อย่างน้อย 14 วัน

< Previous post Journal club ประจำเดือนตุลาคม

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด