หวั่นกินเจขาดไอโอดีน สธ.แนะใช้เกลือ-ซอสปรุงรส เสริมไอโอดีน
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000141062
นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการกินได้คุณค่าทางโภชนาการ ว่า เทศกาลกินเจของทุกปี ประชาชนต่างให้ความสนใจในการเลิกกินเนื้อสัตว์ และหันมากินอาหารเจกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความเชื่อว่าการกินเจเป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้กุศล ตลอดจนทำให้สุขภาพดี แต่สิ่งที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึงเป็นสำคัญ คือ การเลือกกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และมีการปรุงประกอบที่สะอาดถูกสุขอนามัย เพื่อส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน แม้ต้องละเว้นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ซึ่งให้โปรตีนและอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนที่จำเป็นแก่ร่างกาย โดยประชาชนสามารถกินโปรตีนจากพืชแทนได้ เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ส่วนสารไอโอดีนนั้น ให้ใช้เกลือเสริมไอโอดีนหรือซอสปรุงรสเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหารทุกครั้งก็จะทำให้ร่างกายไม่ขาดไอโอดีน นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับร่างกาย ควรเลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว ซึ่งจะอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ลดปัญหาท้องผูกอีกด้วย
นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการกินเจอย่างปลอดภัย และได้คุณค่าทางโภชนาการนั้น ผู้บริโภคควร กินถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร สามารถเพิ่มงาบดในมื้ออาหาร เพื่อให้โปรตีนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ในรูปแบบต่างๆ เป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์จากแป้งไม่เหมาะสำหรับเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ส่วนผักที่ใช้ในการปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงประกอบ และกินผักให้หลากหลายชนิด ทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง เครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูปควรหันมารับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า อาหารเจส่วนใหญ่มักเป็นอาหารประเภทผัด ทอด และใส่กะทิ จึงควรใส่น้ำมันแต่พอประมาณ ไม่มากเกินไป และไม่ควรกินอาหารผัด ทอด หรือแกงกะทิติดต่อกันทุกวัน เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วน และเลี่ยงการใช้น้ำมันทอดซ้ำ ที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ หรือเพื่อความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของอาหารผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้ออาหารเจจากร้านที่มีป้ายสัญลักษณ์ Clean Food Good Taste หรืออาหารสะอาด รสชาติอร่อย
“ทั้งนี้ การเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับร่างกายในช่วงเทศกาลกินเจ คือ ให้เน้นกินผักหลากสี และผลไม้สดรสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ เป็นต้น และควรลดหวาน มัน เค็ม ซึ่งไม่เฉพาะในช่วงกินเจเท่านั้น แต่ควรกินผักและผลไม้เป็นประจำ ให้ได้ประมาณวันละครึ่งกิโลกรัม หรือกินผักประมาณมื้อละ 1-2 ทัพพี ส่วนผลไม้ กินหลังอาหารจะมีวิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็กในผักใบเขียวและยังช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจขาดเลือดด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ
สำนักงานใหญ่ : 88/22 หมู่ที่ 4 อาคาร 6 ชั้น 6 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
โทร : +662-590-4549
โทรสาร : +662-590-4369
E-mail : [email protected]
