logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

“จุรินทร์”เผยไทยทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เตรียมผลิตและพัฒนา 7 วัคซีนพื้นฐานใช้เอง คาดสำเร็จภายใน 10 ปี

http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=33921

          วันนี้(30 กันยายน 2553)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมในวันนี้ได้เสนอแผนงานและโครงการสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนได้  โดยตั้งเป้าจะทำการผลิตวัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับคนไทยใช้เอง  ตั้งแต่การพัฒนาจนถึงขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 7 ตัว ได้แก่ 1.วัคซีนไข้เลือดออก ที่จะใช้ระยะเวลา 10 ปี ในการขอขึ้นทะเบียน 2.วัคซีนคอตีบ 3.บาดทะยัก 4.ไอกรน ซึ่งจะดำเนินการพัฒนาจนกระทั้งขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ได้ภายใน 2 ปี 5.วัคซีนตับอักเสบบี ใช้เวลา 4 ปี
6.วัคซีนไข้สมองอักเสบ ขณะนี้ได้พัฒนาและให้บริการแล้วในปัจจุบันแต่เป็นลักษณะของวัคซีนที่พัฒนาจากสมองหนู แต่จากนี้จะพัฒนาอีกขั้นคือจะใช้จากเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งภายใน 5 ปีจะพัฒนาแล้วขอขึ้นทะเบียนกับ อย.ได้ และ7.วัคซีนป้องกันวัณโรค ปัจจุบันผลิตโดยสภากาชาดไทย โดยจะขยายกำลังการผลิตและพัฒนาตัววัคซีน


         ซึ่งทั้ง 7 ตัวนี้เป็นวัคซีนยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่จะเดินหน้าตามแผน เพื่อให้ไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยแผนทั้งหมดจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว  และจะใช้ระยะเวลา 10 ปี ใช้เงินงบประมาณรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 5,248 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ดำเนินการเรื่องวิจัยพัฒนา จัดตั้งคลังจัดเก็บวัคซีนมาตรฐาน รวมทั้งโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี (GMP)


         ด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนมูลค่าปีละ 3,000 ล้านบาท เป็นวัคซีนที่นำเข้ามูลค่า 2,400 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าวัคซีนที่ใช้ทั้งหมด โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่รับบริการเป็นทารก เด็กนักเรียน ปีละประมาณ 800,000  คน โดยจะทำการขยายกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม

1 ตุลาคม 2553

Next post > สธ.แม่ฮ่องสอน ควบคุมการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ ใน 2 ศูนย์อพยพ ได้แล้ว ไม่มีรายใหม่เพิ่ม

< Previous post สคร.5 เตือนประชาชน! ระวังโรคติดต่อมากับน้ำท่วม

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด