การประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านขายยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ระยะที่ 2

หน้าแรก > งานวิจัย > ยุทธศาสตร์ที่: 3 ประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม > การประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านขายยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ระยะที่ 2

รหัสโครงการ

63011002RM002L0

คณะผู้วิจัย

นักวิจัยหลัก

ดร.รุ่งนภา คำผาง

ภญ.ธนพร บุษบาวไล

นักวิจัยร่วม

ดร. ภญ.ศรีเพ็ญ ตันติเวสส

ดร. ภญ.พัทธรา ลีฬหวรงค์

ทรงยศ พิลาสันต์

อกนิฎฐา พูนชัย

ภญ.สุพัฒศิริ อึ้งมณีภรณ์

อ. ภก.จิรวิชญ์ ยาดี

กุนที พลรักดี

อรรถวิทย์ ยางธิสาร

ภก.ดิศรณ์ กุลโภคิน

รายละเอียดโครงการ

ยุทธศาสตร์

ยุทธศาสตร์ที่: 3 ประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม

เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานสนับสนุน

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

คำค้น

ระยะเวลาโครงการ

เริ่ม: 1 กุมภาพันธ์ 2563
สิ้นสุด: 31 มีนาคม 2564

ติดต่อ

[email protected], [email protected]

สถานะงานวิจัย

งานวิจัยเสร็จสิ้น - 100%

จำนวนผู้เข้าชม: 4880 คน

วันที่เผยแพร่ 28 เมษายน 2563 09:25

เกี่ยวกับโครงการ

ความแออัดของโรงพยาบาลรัฐบาลขนาดใหญ่ที่ทำให้ผู้ป่วยรอรับบริการนานทั้งผู้ป่วยที่มีปัญหารุนแรงมากหรือน้อยเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบสุขภาพไทยเนื่องจากทำให้ผู้ป่วยรอรับบริการเป็นเวลานานส่งผลต่อการเข้าถึงการตรวจรักษา คุณภาพในการให้บริการ และความพึงพอใจของผู้รับบริการหรือผู้ป่วย ในปี พ.ศ. 2560 กระทรวงสาธารณสุขประกาศนโยบายลดความแออัดในโรงพยาบาล โดยหนึ่งในมาตรการลดความแออัดคือ การที่ผู้ป่วยไม่ต้องรอรับยาภายในโรงพยาบาลแต่ให้ผู้ป่วยนำใบสั่งยารับยาที่ร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ได้มาตรฐานหลักวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรมชุมชน (Good Pharmacy Practice: GPP) ของสำนักงานคณะกรรมการอาหาร (อย.) มีการประสานเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดทำโครงการจ่ายยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เริ่มดำเนินการทั่วประเทศในเดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ในระยะแรกจะดำเนินการพัฒนาระบบบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยนำร่องในโรงพยาบาล 50 แห่ง และเครือข่ายร้านยาคุณภาพ 500 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไปที่มีความพร้อมในเดือนตุลาคม 2562 โครงการนำร่องดังกล่าวใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานค่อนข้างมากซึ่งรวมถึงค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์สำหรับร้านยาและค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ของหน่วยบริการร่วมกับร้านยา นอกจากนี้มีแผนจะขยายบริการไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ทั่วประเทศ จึงควรมีการติดตามและประเมิลผลโครงการ เพื่อให้ทราบว่าโครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ มีประสิทธิผล และไม่ก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ต่อระบบบริการสุขภาพ การดูแลผู้ป่วย และผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ