logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

     กระทรวงสาธารณสุข ห่วงวัยรุ่นไทยที่ไม่ได้อ้วนจริง แต่ใช้ยาลดความอ้วน เพราะคลั่งผอม สวย อยากมีหุ่นทันสมัย  เพรียวเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นหรือดารา สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต สถานบริการลดความอ้วน ตลาดมืด หรือหลงเชื่อโฆษณาน้ำผลไม้ สารสกัดลดน้ำหนัก เสี่ยงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตจากฤทธิ์ตัวยาที่กินเข้าไปและกดสมอง ลดความอยากอาหาร เช่นยากลุ่มเฟนฟลูรามีน เด็กซ์เฟนฟลูรามีนและไซบูทรามีนซึ่ง อย. ยกเลิกการขึ้นทะเบียนตำรับยา ไม่มีใช้ในไทยแล้ว ย้ำเตือนโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ห้ามใช้ยาลดอ้วนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากยาอาจมีผลต่อการเจริญพันธุ์ในวัยหนุ่มสาวได้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก โทรปรึกษาสายด่วน อย. 1556 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

     เภสัชกรประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้กระแสนิยมของวัยรุ่นไทย  นักเรียน นักศึกษา จำนวนมาก  โดยเฉพาะผู้หญิงและหญิงข้ามเพศ  มีค่านิยมที่จะต้องมีรูปร่างผอมมาก เพรียว คล้ายการ์ตูนญี่ปุ่น  จึงจะเรียกว่ามีรูปร่างดี เพื่อที่จะสวมใส่เสื้อผ้าทันสมัยซึ่งมีขนาดเล็กมากได้ ทำให้วัยรุ่นที่อ้วนหรือเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน หันมาลดน้ำหนักทางลัด  คือไม่ออกกำลังกายสลายไขมัน แต่เข้าสถานบริการลดความอ้วน ซึ่งมีเปิดบริการในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือใช้ยาลดน้ำหนักอย่างผิดวิธี จากการบอกต่อปากต่อปากจากเพื่อนที่ใช้ โดยสั่งซื้อยาทางอินเทอร์เน็ต จากร้านขายยาหรือสถานบริการลดความอ้วน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อาหารเสริม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ที่โฆษณาว่ามีสรรพคุณช่วยลดน้ำหนัก ทำให้ได้รับผลข้างเคียงหรือพิษภัยจากการลักลอบใส่ยาลดความอยากอาหารดังกล่าว  จนบางรายถึงกับเสียชีวิต เช่น ได้รับยาเกินขนาด มีโรคประจำตัวและห้ามใช้ยาประเภทนี้

     เภสัชกรประพนธ์กล่าวว่า ยาลดความอ้วนที่ใช้กันในปัจจุบัน มี 2 กลุ่ม คือยาที่ออกฤทธิ์ที่ระบบลำไส้  ยับยั้งการดูดซึมของสารอาหาร   และยาที่ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง  เพื่อลดความอยากอาหาร กินแล้วไม่หิวง่าย เช่นเฟนฟลูรามีน(Fenfluramine),เด็กซ์เฟนฟลูรามีน(Dexfenfluramine),ไซบูทรามีน(Sibutramine)ซึ่งอย.ได้เพิกถอนการขึ้นทะเบียนยาทุกตำรับที่มีส่วนผสมของยาชนิดนี้ตั้งแต่พ.ศ. 2543 และ 2553ตามลำดับ จึงทำให้ในประเทศไทยไม่มีการใช้ยาดังกล่าวแล้วเนื่องจากมีข้อมูลการใช้ยาไซบูทรามีนในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular disease) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (heart attack) และการเกิดหลอดเลือดในสมองแตก(stroke)ได้ ที่เป็นปัญหาขณะนี้พบว่ามีการลักลอบเข้ามาทั้งสารเคมีหรือเป็นตัวยา

     “ผลิตภัณฑ์อาหารที่โฆษณาทางอินเตอร์เน็ตว่าลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนักได้นั้น ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด และขอให้ตั้งข้อสังเกตได้เลยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงการลักลอบใส่สารลดน้ำหนักที่เป็นอันตราย และผิดจากวัตถุประสงค์การอนุญาตของอย.ที่กำหนดคำนิยามของอาหารว่าเป็นของกินหรือเครื่องค้ำจุนชีวิต กรณีแสดงสรรพคุณลดน้ำหนัก ไม่ถือว่าเป็นอาหาร แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์อาจจะบอกว่าเป็นน้ำผลไม้ หรือเป็นสารสกัดก็ตาม ถือว่าเป็นการแสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง หรือแสดงสรรพคุณที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือว่าเป็นความผิด” เภสัชกรประพนธ์กล่าว                                                                             
      นอกจากนี้ ยังพบการใช้ยาเฟนเตอมีน (Phentermine)ที่จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งห้ามการผลิต ขาย นำเข้าและส่งออก โดยต้องดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพียงผู้เดียวเท่านั้น  หากโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ จะใช้ต้องมาสั่งซื้อจาก อย. เท่านั้น ตลอดจนการใช้ยาดังกล่าวต้องมีแพทย์เป็นผู้ที่สั่งใช้โดยตรง  ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติ ได้แนะนำประเทศสมาชิก เฝ้าติดตามการใช้ยาลดความอ้วนกลุ่มนี้  เนื่องจากพบว่ามีการใช้ยาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ  มีรายงานการใช้ยาในทางที่ผิด และพบว่าหาซื้อยาได้จากตลาดมืด

     “คนที่ใช้ยาลดความอ้วนขณะนี้  ส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มคนอ้วนจริง  เมื่อวัดค่าดัชนีมวลกายหรือค่าบีเอ็มไอ (BMI : Body Mass Index) มักพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่คนกลุ่มนี้ต้องการลดความอ้วน  ซึ่งมักเกิดมาจากกระแสเลียนแบบดารา หรือต้องการทำตามเพื่อน   ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้ยาลดความอ้วน คือนอนไม่หลับ เวียนศีรษะ วิตกกังวล  ปวดศีรษะ ใจสั่น  ตาพร่า ท้องผูก  หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดการติดยาได้ ” เภสัชกรประพนธ์กล่าว

     เภสัชกรประพนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ยาลดความอ้วน ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า เนื่องจากฤทธิ์ของยาจะกระตุ้นอาการซึมเศร้าให้รุนแรงขึ้น และห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 13ปี เนื่องจากเป็นวัยกำลังเจริญเติบโต ยาอาจมีผลต่อการเจริญพันธุ์ในวัยหนุ่มสาว และปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผลของยา รวมทั้งห้ามใช้ในหญิง มีครรภ์ด้วย เนื่องจากจะส่งผลถึงเด็กในครรภ์  ทำให้เด็กพิการหรือเสียชีวิตได้ การใช้ยาลดน้ำหนักที่ถูกต้อง จะต้องอยู่ภายใต้การสั่งใช้และการควบคุมโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพราะยาลดน้ำหนักไม่สามารถรักษาโรคอ้วนให้หายขาด เมื่อหยุดยา น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้อีก   

    สำหรับการหาค่าดัชนีมวลกาย เพื่อประเมินว่าตนเองอ้วนหรือไม่นั้น  มีวิธีการคิดง่ายๆ คือนำน้ำหนักตัว ซึ่งหน่วยเป็นกิโลกรัม  หารด้วยส่วนสูงหน่วยเป็นเมตร ยกกำลังสอง แล้วนำมาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานสากล ค่าปกติอยู่ที่ 18-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยแพทย์มักจะเริ่มใช้ยาลดความอ้วน หากมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร หรืออาจให้ในกรณีที่ค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 27 กิโลกรัม/ตารางเมตรและมีความเสี่ยง  เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ

    ทั้งนี้ หากประชาชน มีข้อสงสัย หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ขอให้ปรึกษาสายด่วน อย. 1556 หรือสามารถไปร้องเรียนได้ด้วยตนเองพร้อมนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปด้วยที่ ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย.  อาคาร 1 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  กระทรวงสาธารณสุขอ.เมือง จ.นนทบุรี ส่วนภูมิภาคติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

17 กุมภาพันธ์ 2557

Next post > ห่วงวัยรุ่นส่งภาพหวิวผ่านไลน์ กระตุ้นความอยากลองเรื่องเซ็กส์

< Previous post Herbal Medicine - The Power of Peppermint

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด