logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/31734

เตือนเที่ยวป่ากางเต๊นท์นอนช่วงหน้าหนาว ระวังถูกไรอ่อนกัด ก่อโรคสครับ ไทฟัส

           นายแพทย์นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพอากาศ ในประเทศไทยเริ่มหนาวเย็นลง ประชาชนมักเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น จึงอยากเตือนให้ระมัดระวังตัวไรอ่อน (chigger) กัด ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส (Scrub typhus) ไรอ่อนนี้จะอาศัยอยู่ในสัตว์รังโรค คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระรอก เป็นต้น เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่าริกเก็ตเซีย (Rickettsia) โรคไข้รากสาดใหญ่ มีระยะฟักตัวประมาณ 6-21 วัน แต่โดยทั่วไปประมาณ 10-12 วัน โดยไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ และคอ โรคนี้จะพบมากในช่วงฤดูฝน และต้นฤดูหนาว อาการที่สำคัญ ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (eschar) ตรงบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำ เป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรงอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้

           นายแพทย์นิพนธ์ กล่าวต่ออีกว่า บริเวณที่มีตัวไรชุกชุม ได้แก่ บริเวณป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่ หรือตั้งรกรากใหม่ พื้นที่ทุ่งหญ้าชายป่า หรือบริเวณมีต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้ จึงขอให้ประชาชนที่จะไปท่องเที่ยวตั้งแคมป์ไฟ กางเต๊นท์นอนในป่า เก็บกวาดบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าขึ้นรก ควรใส่รองเท้า ถุงเท้า ที่หุ้มปลายขากางเกงไว้ และเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัด ตามแขนขาแต่ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ผิวหนัง มีรอยถลอกหรือมีแผล และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี เพราะเด็กอาจเผลอขยี้ตาหรือหยิบจับอาหารและสิ่งของใส่ปาก ทำให้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายเป็นอันตรายได้ ดังนั้นหลังออกจากป่าให้อาบน้ำ ให้สะอาด พร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้

           นายแพทย์สมชาย แสงกิจพร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เดือน ม.ค.จนถึง 18 พ.ย. 55 ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยโรคสครับไทฟัส จำนวน 7,412 ราย เสียชีวิต 4 ราย พื้นที่ที่พบผู้ป่วยโรคสครับไทฟัสมากที่สุด ได้แก่ ภาคเหนือ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตามขอแนะนำประชาชนหลังกลับออกจากเที่ยวป่าหรือกางเต๊นท์นอนตามพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว หากป่วยมีไข้ขึ้นสูงมีอาการปวดศีรษะ ภายใน 2 สัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเข้าไปในป่าให้แพทย์ทราบทันทีด้วย เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพราะหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ นอกจากนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เล็งเห็นถึงอันตรายในเรื่องดังกล่าว

26 พฤศจิกายน 2555

Next post > เด็กไทยขาดวิตามินดีสูง เสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 1

< Previous post สธ. ขยายบริการ “ศูนย์พึ่งได้” ลงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลช่วยเด็กสตรี เริ่มปีนี้ 76 แห่ง

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด