logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

สถานการณ์เอดส์พบกลุ่มเสี่ยงยังเป็น ชายรักชายพุ่งสูง ติดเชื้อสูง ตรวจหาเชื้อต่ำ ห่วงผู้ป่วยเอดส์เข้ารับการรักษาช้า พร้อมวางยุทธศาสตร์ตั้งเป้าลดการติดเชื้อใหม่
       
       พญ.เพชรศรี ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลการศึกษาเรื่อง ภาวะโรคเอดส์ กลุ่มเสี่ยงที่(ไม่)เปลี่ยนแปลง ว่า อัตราการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มเสี่ยงในการ สำรวจภาระโรคปี 2553พบว่า กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มชายรักชาย ร้อยละ 20 กลุ่มผู้ใช้ยาร้อยละ 21.9 เพศชาย ร้อยละ 17.7 และ เพศหญิง ร้อยละ2.2 โดยในกลุ่มนี้พบว่าอัตราการใช้ถุงยาง พบว่า กลุ่มพนักงานหญิงบริการมีการใช้ถุงยางร้อยละ 95.7 พนักงานบริการชาย ร้อยละ 87.3 ชายรักชาย ร้อยละ 84.5 และกลุ่มผู้ใช้ยา ร้อยละ 41.6 เมื่อสำรวจเรื่องอัตราการตรวจการติดเชื้อในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มพนักงานหญิงบริการตรวจร้อยละ 50.4 พนักงานบริการชาย ร้อยละ 50.4 ชายรักชาย ร้อยละ 29.2 และกลุ่มผู้ใช้ยา ร้อยละ 40.8
       สำหรับสถานการณ์ดำเนินป้องกัน พบว่าความครอบคลุมในการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 53 ที่ร้อยละ 72 เป็นปี 54 ที่ร้อยละ 77 แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงและต้องดำเนินมาตรการเพิ่มคือ การรับยาต้านไวรัสและเข้าระบบการรักษา พบว่าร้อยละ 57 เริ่มรับยาต้านเมื่อระดับภูมิคุ้มกันต่ำ (CD4 )กว่า 100 มากถึง ร้อยละ 57 ซึ่งระดับภูมิคุ้มที่เป็นไปตามข้อแนะนำอยู่ที่ 350 ซึ่งการเข้าถึงบริการต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
       
       พญ.เพชรศรี กล่าวว่า สำหรับ ยุทธศาสตร์เอดส์ชาติระหว่างปี 2552-2559 ตั้งเป้าว่า ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง 2 ใน 3 และลดอัตราติดเชื้อแรกเกิดลง โดยการคาดประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ คาดว่าว่า ร้อยละ 62 จะเกิดจากการติดเชื้อจากกลุ่มชายรักชาย การขายบริการ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ร้อยละ 32 จะเกิดจากคู่ของตนเอง และ ร้อยละ 6 จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์จากผู้ที่ไม่ใช่คู่ครองและกลุ่มเยาวชน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ 31 จังหวัดที่มีความชุกสูงประมาณ ร้อยละ 65 และเฉพาะพื้นที่กทม.คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 27 ซึ่งเป้าหมายจะทำให้เกิดการเข้าถึงการรับบริการในทุกกลุ่มร้อยละ 80 เช่น การป้องกันการติดเชื้อแรกเกิด การป้องกันในกลุ่มเยาวชน การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยแบบบูรณาการ การบริการโลหิตปลอดภัย การดูแลรักษาให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ การดูแลเด็กที่รับผลกระทบจากเอดส์และเด็กที่มีภาวะเปราะบาง การลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติ และ การสื่อสารสาธารณะ
       
       “ปัจจุบันการใช้งบประมาณจากรัฐบาลเพื่อใช้ในงานเอดส์ ใช้งบประมาณจากประเทศร้อยละ 93 เป็นงบเพื่อใช้ในการป้องกันร้อยละ 14 ซึ่งงบประมาณทั้งหมดมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากกองทุนโลก โดยยุทธศาสตร์ในระยะยาวคือลดการติดเชื้อรายใหม่ให้ได้ จากที่ช่วง 3 ปีจะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละหมื่นราย ให้ลดลงเหลือ 1 ใน 3 ทั้งนี้ ในเรื่องการเข้าถึงบริการพบว่า กลุ่มคนต่างชาติที่เป็นแรงงานในประเทศไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้วยยาต้านไวรัส นอกจากนี้ นโยบายการดำเนินงานด้านยาเสพติดยังเป็นส่วนที่ทำให้ข้อจำกัดในการดำเนินงาน เรื่องลดอัตราจากการใช้ยา ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องเอดส์ต้องอาศัยปัจจัยหลายด้านเพื่อลดผู้ติดเชื้อ ลง”พญ.เพชรศรี กล่าว

 

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000101947

20 สิงหาคม 2555

Next post > นับแกะเอาไม่อยู่ ! โรคนอนไม่หลับกลายเป็นปัญหาทั่วโลก ต้นเหตุโรคซึมเศร้า-วิตกจริต

< Previous post สธ.เตือนโรคอ้วนเสี่ยงมะเร็ง

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด