logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000071129

 สธ.เร่ง เฝ้าระวัง “โรคมือเท้าปาก” พบป่วย ในรอบ 5 เดือน พุ่งสูงกว่า 3 เท่าตัวของปีที่แล้ว
 
       นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะ นี้เป็นช่วงฤดูฝน อากาศเย็นและชื้น เป็นฤดูกาลระบาดของโรคมือเท้าปาก ซึ่งมักพบในเด็กเล็ก ขณะนี้มีรายงานหลายจังหวัดเริ่มป่วยประปราย เช่นที่กาญจนบุรี ยะลา ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หรือ สสจ. เฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 20,000 แห่ง รวมทั้งโรงเรียนระดับประถมศึกษา เนื่องจากโรงเรียนทุกแห่งเปิดเทอมเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก หากมีเด็กป่วยจะแพร่เชื้อติดกันได้ง่าย โดยหากพบผู้ป่วยในพื้นที่ขอให้สอบสวนโรคและควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาด ทันที พร้อมทั้งขอความร่วมมือครูและผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย มีไข้ มีแผลเปื่อยหลายแผลในปากและเจ็บ มีตุ่มพองขนาดเล็กขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้ เพื่อให้การดูแลเด็กอย่างถูกวิธี และควบคุมโรคอย่างทันท่วงที
       
       ด้าน นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์โรคมือเท้าปากในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงเดือนพฤษภาคม 2555 สำนักระบาดวิทยารายงานทั่วประเทศพบผู้ป่วย 6,109 ราย ไม่มีเสียชีวิต โดยพบภาคเหนือป่วยมากที่สุดจำนวน 1,868 ราย รองลงมาคือภาคกลาง จำนวน 1,748 ราย ภาคใต้ 1,573 ราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 920 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยในรอบ 5 เดือนปีนี้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว ผู้ป่วยร้อยละ 81 อายุต่ำกว่า 3 ขวบ
       
       โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่เกิด จากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เอนเทอโรไวรัส ( Enterovirus) มีหลายชนิด ที่พบบ่อยคือไวรัส ค็อกแซกกี เอ 16 (Coxsackieviruses A 16 ) ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่รุนแรง ป่วยประมาณ 7-10 วันจะหายเองได้ และชนิดรุนแรงทำให้เด็กเสียชีวิตได้ คือ ไวรัสเอนเทอโร 71 (Enterovirus 71) เชื้อชนิดนี้พบในประเทศไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่จะพบระบาดในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม เป็นต้น โดยอาการจะปรากฏหลังติดเชื้อประมาณ 3-6 วัน เริ่มจากมีไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมาจะมีเจ็บปาก และเบื่ออาหารเนื่องจากมีแผลอักเสบที่ลิ้น เหงือกและกระพุ้งแก้ม ต่อมาจะเกิดผื่นแดง มักไม่คันขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้นหรือที่หัวเข่าได้ ผื่นจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆจะแดง และแตกออกเป็นหลุมตื้นๆ เชื้อโรคจะถูกขับออกมาทางอุจจาระของผู้ป่วย และติดต่อคนอื่นได้ จากการกิน โดยเชื้อจะติดมากับมือ น้ำลาย น้ำมูก และน้ำในตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วย
       
       ในการป้องกันโรคดังกล่าวขอให้ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็กเล็กให้เด็กหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือทุก ครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังขับถ่ายและเล่นของเล่น ตัดเล็บให้สั้น เพื่อไม่ให้เชื้อโรคสะสมในเล็บ และทำความสะอาดมือได้ง่าย ดูแลรักษาความสะอาดอาคารสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้และของเล่นต่างๆ เป็นประจำด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เด็กที่ป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันแพร่เชื้อสู่เด็กอื่น หากมีเด็กป่วยหรือมีอาการสงสัยจะป่วยเป็นโรคมือเท้าปากในศูนย์เด็กเล็กหรือ ที่โรงเรียน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย

11 มิถุนายน 2555

Next post > หมอชี้คนแนวโน้มคนเมืองป่วยมะเร็งสูง

< Previous post ร้องสธ.หยุดทำร้ายนวดไทย ชี้ออกประกาศสอบละเมิดกม.

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด