logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

กรมควบคุมโรค เดินหน้าต่อยอด 4 โรงพยาบาลนำร่องศูนย์การเรียนรู้การดูแลเด็กติดเชื้อเอชไอวีแบบองค์รวม

http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=40080

         วันนี้ (9 สิงหาคม 2554) โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตันฯ กรุงเทพฯ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวว่า  จากข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2551 พบว่ามีเด็กติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 9,000 ราย ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ในระบบการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมากกว่า 200,000 ราย โดยผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้รับบริการในโรงพยาบาลกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ ส่วนผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่รับบริการอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป หรือโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ที่มีกุมารแพทย์ประจำ สำหรับการพัฒนาคุณภาพบริการด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเอชไอวี ก็ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 โดยกรมควบคุมโรค ร่วมมือกับศูนย์ความร่วมมือไทย–สหรัฐด้านสาธารณสุข (ศรทส.) และ AIDS Institute of New York State, USA และได้พัฒนารูปแบบการพัฒนาคุณภาพบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่เรียกว่า HIVQUAL-T ซึ่งเป็นรูปแบบพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในคลินิก 

ส่วนการนำร่องการพัฒนาคุณภาพบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในเด็ก เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2547 ในโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงราย ซึ่งใช้วิธีการดูแลเด็กแบบองค์รวมทั้งด้านสุขภาพ การเจริญเติบโต พัฒนาการ รวมถึงด้านสังคมจิตใจของทั้งเด็กและครอบครัว โดยการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัด ศูนย์องค์รวมอาสามัครผู้มีเชื้อเอชไอวี และองค์การพัฒนาเอกชน (NGO) จากนั้น ปี พ.ศ.2549 ได้ขยายงานไปทดลองใช้รูปแบบเดียวกันนี้ในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดอุดรธานี และเริ่มมีการขยายพื้นที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขยายงานครอบคลุมทั่วประเทศอย่างมีคุณภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นจึงได้สร้างเครือข่ายโรงพยาบาลศูนย์การเรียนรู้การดูแลเด็กติดเชื้อเอชไอวีแบบองค์รวมขึ้นใน 4 ภาคของประเทศ ประกอบด้วย 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น  โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี  โดยทั้ง 4 โรงพยาบาลนำร่องศูนย์การเรียนรู้นี้  มีการฝึกอบรมโรงพยาบาลที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันให้มีการดูแลเด็กแบบองค์รวมเช่นเดียวกัน  ตั้งแต่การติดตามประเมินภาวะสุขภาพอย่างใกล้ชิด ให้ยาต้านไวรัสเมื่อถึงเกณฑ์ การป้องกันรักษาโรคฉวยโอกาสอื่นๆ เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ติดตามการเจริญเติบโตพัฒนาการ เป็นต้น ซึ่งมีจังหวัดที่ร่วมในเครือข่ายแล้ว 30 จังหวัดกระจายอยู่ในพื้นที่มีจำนวนเด็กมีเชื้อเอชไอวีรับบริการจำนวนมาก จนถึงปี 2553 มีเด็กที่มีเชื้อเอชไอวีรับบริการอยู่ในเครือข่ายแล้วเกือบ 5,000 ราย(4,821 ราย) เด็กในเครือข่ายได้รับบริการตามมาตรฐาน เช่น  ร้อยละ 90 มารับการติดตามรักษาตามนัด  มากกว่าร้อยละ 90 ได้ตรวจติดตามสถานะภูมิคุ้มกันทุก 6 เดือน ได้กินยาต้านไวรัสตามเกณฑ์ ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อปอดอักเสบ และในเด็กที่เริ่มเข้าวัยรุ่นได้รับการสอนเรื่องเพศศึกษา เป็นต้น


นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การสัมมนาวิชาการ การพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ เอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ระดับประเทศ ครั้งที่ 3 ได้มอบกิตติกรรมประกาศศูนย์การเรียนรู้ให้แก่โรงพยาบาล นำร่องศูนย์การเรียนรู้ทั้ง 4 แห่งนี้ด้วย เพื่อให้เป็นแบบอย่างและเป็นศูนย์การเรียนรู้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานอื่นๆ ที่จะเข้ามาศึกษาหาความรู้และนำไปปฏิบัติในพื้นที่ นอกจากนี้ เป้าหมายในการขยายรูปแบบการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาเด็กและวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย  ให้คลอบคลุมทั่วประเทศภายในปี พ.ศ.2555 โดยงบประมาณจากสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์เด็กได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของประเทศไทย ที่สำคัญเพื่อลดอัตราการขาดนัด การกินยาไม่สม่ำเสมอ  ลดอัตราการเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ลดอัตราการเกิดเชื้อดื้อยา และลดอัตราการเสียชีวิตในระยะยาว ต่อไป

10 สิงหาคม 2554

Next post > สธ.เผยยอดผู้เจ็บป่วยจากน้ำท่วม 15,000 ราย เครียดจัด ต้องดูแลพิเศษ 52 ราย พร้อมเปิด สายด่วนบริการด้านสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง

< Previous post การประชุมเพื่อเตรียมข้อเสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาสิทธิประโยชน์และระบบบริการ ในโครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคภายใต้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในกลุ่มเด็กอายุ 0-5 ปี“

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด