logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

สวรส.อ้างผลวิจัย 6 ปท.หนุนชดเชยความเสียหายผู้ป่วย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000143096

          รศ.ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง นักวิจัยที่เกาะติดกับการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบบการคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขมาโดยตลอด กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายจะเห็นตรงกันว่า หลักการของระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่ต้องพิสูจน์ถูก – ผิด เป็นเรื่องที่ดี แต่จากระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา มีความเห็นต่างและมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่คิดต่างกัน ทำให้ภาพรวมของระบบสุขภาพมีความปั่นป่วนพอสมควร ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการวิจัยของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ที่ได้มีการทบทวนประสบการณ์ใน 6 ประเทศ ที่มีการใช้ระบบชดเชยความเสียหายฯ มาก่อน พบว่า หลายประเทศประสบความยากลำบากในตอนเริ่มต้น
       
          รศ.ดร.ลือชัย เผยผลวิจัยกรณีตัวอย่างที่ศึกษาใน 6 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน อังกฤษ นิวซีแลนด์ อเมริกา นอร์เวย์ และออสเตรเลีย ชี้ชัดว่า สาเหตุที่ทุกประเทศต้องนำระบบชดเชยฯ มาใช้ เพราะประจักษ์ชัดเจนว่า การมีระบบฟ้องศาลระบบเดียวนั้นไม่เพียงพอ และเป็นสาเหตุของวิกฤติในระบบสุขภาพ เช่น คนไข้ที่เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม แพทย์ถูกฟ้องและต้องรับภาระคนเดียวทั้งๆ ที่ความผิดพลาดเกิดจากหลายปัจจัย เมื่อแพทย์หันไปซื้อประกันเอกชนเพื่อคุ้มครองตนเอง ก็ทำให้ค่าประกันสูงขึ้น สุดท้ายก็มาเพิ่มภาระค่ารักษาจนผลตกแก่ประชาชน เป็นต้น
      
          “นอกจากนั้น สิ่งที่เป็นประเด็นห่วงใยต่างๆ ของกลุ่มผู้คัดค้าน ร่างกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข เป็นประเด็นที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศที่มีดำเนินการแล้ว และมีเครื่องมือหรือมาตรการต่างๆ ที่สามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้ โดยทุกประเทศเห็นตรงกันที่จะไม่ใช้มาตรการทางศาลในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด และในหลายประเทศ ต้องอาศัยการทำโครงการนำร่อง เพื่อพัฒนาในรายละเอียดของกลไกการทำงานที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศตนเอง” รศ.ดร.ลือชัย กล่าว
      
          ทั้งนี้ ผลการศึกษายังพบอีกว่า หลายประเทศที่เริ่มจะทดลองใช้ระบบชดเชยฯ มักถูกโจมตีเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจมีแนวโน้มว่า หากใช้ระบบชดเชยฯ ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเริ่มมีกองทุน เพราะอาจเกิดจากกรณีเสียหายสะสมมาก่อน ทั้งยังมีประเด็นเรื่องมาตรฐานวิชาชีพที่เกรงว่าจะตกต่ำลง เพราะมีกองทุนมาชดเชยแทน แต่จากประสบการณ์หลายประเทศ การที่ไม่มีการนำข้อมูลที่พบในกระบวนการพิจารณาชดเชยฯ ไปเกี่ยวข้องหรือใช้หากจะมีการฟ้องศาลหรือมีการสอบสวนขององค์กรวิชาชีพ ผลดีก็คือ ช่วยผ่อนคลายความกดดันให้กับแพทย์ให้ร่วมมือเปิดเผยข้อมูลและขอโทษผู้เสียหายอย่างจริงใจ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปสู่การป้องกันเหตุซ้ำซ้อนในอนาคต ซึ่งทำให้เกิดมาตรฐานการบริการที่ดีขึ้นจริงอย่างเป็นระบบ
       
           รศ.ดร.ลือชัย กล่าวอีกว่า เกือบทุกประเทศใช้การผสมผสานระบบฟ้องศาลและระบบชดเชยฯ กล่าวคือ ไม่ปิดทางที่ผู้เสียหายจะใช้สิทธิพื้นฐานในการเข้าสู่ระบบศาล แต่ขณะเดียวกันก็จ่ายชดเชยอย่างเป็นธรรมและจูงใจให้เลือกใช้ระบบชดเชยฯ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นในงานวิจัย ที่ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรทำความเข้าใจ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายเป็นสำคัญ ผู้สนใจงานวิจัยประสบการณ์ต่างประเทศดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดได้ที่ ห้องสมุดดิจิทัล สวรส.

12 ตุลาคม 2553

Next post > องค์การเภสัชกรรมออกหน่วยเคลื่อนที่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

< Previous post Journal Club ประจำเดือนตุลาคม

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด