logo

HITAP ร่วมมือกับกรมการแพทย์ จัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในโครงการ “การพัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าฯ ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ เพื่อบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย”

สปสช. และ HITAP ขอเชิญท่านมาร่วมเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ด้วยการตอบแบบสอบถามในหัวข้อ “การปฏิบัติงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว”

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

หวัด 2009เป็นซ้ำได้ แนะเด็กต่ำ9ขวบ ฉีดวัคซีน”เข็ม2″

Link : http://www.thaipost.net/news/180910/27594

     แพทย์ฟันธงฉีดวัคซีนหวัด 2009 แล้วก็ป่วยได้อีก “หมอสมศักดิ์” เผยสหรัฐแนะให้เด็กต่ำกว่า 9 ขวบฉีดวัคซีนซ้ำเข็มที่ 2 เผยในอิสราเอลเคยป่วยหวัด 2009 แล้วเป็นซ้ำได้อีก 10% แต่อาการจะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก
     ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ากรณีโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้นพบว่า แม้จะป่วยแล้วก็สามารถเป็นอีกได้ แต่อาการรอบที่ 2 จะเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยภูมิคุ้มกันจะมีประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ดังนั้นการฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็มจึงไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 9 ขวบ การได้รับวัคซีนเข็มแรกภูมิคุ้มกันจะขึ้นเพียงประมาณ 20% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทางสหรัฐจึงมีข้อแนะนำออกมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้เด็กอายุต่ำกว่า 9 ขวบไปฉีดวัคซีนซ้ำเข็มที่ 2 คาดว่าจะทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มเป็น 90-95% โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ควรห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 1 เดือน อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นซ้ำได้แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะการระบาดระลอกนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนระลอกแรก สิ่งสำคัญคือประชาชนควรหมั่นล้างมือ หากป่วยก็ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ
     ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คนที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วสามารถเป็นอีกได้ โดยจากการศึกษาของอิสราเอลพบว่าคนที่ป่วยแล้วจะป่วยอีกได้ประมาณ 10% แต่อาการอาจจะไม่รุนแรง สำหรับการฉีดป้องกันเข็มที่ 2 ในอายุต่ำกว่า 9 ขวบนั้น มีข้อแนะนำคือ ถ้าก่อนหน้านี้ถ้าได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเดี่ยวมาแล้ว ก็ฉีดเพิ่มแค่ 1 เข็มก็พอ แต่ถ้าเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนทางสหรัฐมีข้อแนะนำว่าให้ฉีด 2 เข็ม
     ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่แม้จะพบได้ทั้ง 3 สายพันธุ์ คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอเอช 3 เอ็น 2 และไข้หวัดใหญ่ชนิดบี แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากไข้หวัดใหญ่ทีละสาย แต่ในปีนี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 สายพันธุ์ ทำให้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จำนวนมาก ดูเหมือนกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ความรุนแรงและลักษณะอาการของไข้หวัดใหญ่ทั้ง 3 สายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน ลักษณะอาการทางคลินิกแยกจากกันได้ยาก จึงทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้งๆ ที่การระบาดเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 สายพันธุ์.

20 กันยายน 2553

Next post > ลุ้นโผรายชื่อซี 10 สธ.เข้า ครม.

< Previous post ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดระลอก3

Related Posts

ข่าวที่เข้าชมมากที่สุด ในรอบ 3 เดือน

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด