“MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025” เวทีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ สู่สิทธิประโยชน์ของคนไทย

ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา นโยบายสุขภาพหนึ่งที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาความหนาแน่นในโรงพยาบาลทั้งยังลดความเสี่ยงการระบาดของโรคได้คือนโยบาย “รับยาที่ร้านยา” ผลการประเมินพบว่ามีส่วนช่วยให้คนไข้ได้ใช้เวลาพูดคุยกับเภสัชกรมากขึ้น ทำให้ผลการรักษาดีขึ้น ทั้งยังลดความแออัดในโรงพยาบาลในช่วงโควิดได้อีกด้วย (อ่านผลการประเมินของHITAP ได้ที่นี่ https://www.nhso.go.th/news/2865)
ความสำเร็จของนโยบายได้รับการยืนยันผ่านการประเมินอย่างเป็นรูปธรรม จากเดิมที่นโยบายให้มีการรับยาที่ร้านยาได้ใน 4 กลุ่มโรคคือโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืดและโรคทางจิตเวช ถึงตอนนี้โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตดำเนินการประเมินร่วมกับสปสช.เขต 11 ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ พบว่ามีกลุ่มโรคเรื้อรัง 17 กลุ่มโรคที่สามารถเข้าร่วมนโยบายนี้ได้ ได้แก่
โรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน
โรคไขมันในเลือดสูง
โรคทางจิตเวช
โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคระบบทางเดินอาหาร
โรคระบบไต
โรคระบบประสาท
โรคระบบต่อมไร้ท่อ
โรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์
โรคระบบภูมิคุ้มกัน
โรคระบบกระดูกและข้อ
โรคระบบตา หู คอ จมูก
โรคระบบผิวหนัง
โรคมะเร็ง
โรคระบบหลอดเลือด
งานวิจัยถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการพัฒนานโยบายด้านสุขภาพให้ดีขึ้น และงานวิจัยเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์เช่นกัน สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ได้ที่ http://ucbp.nhso.go.th/
อ้างอิง
https://www.hfocus.org/content/2021/12/24064
https://www.hfocus.org/content/2020/05/19243
https://prachatai.com/journal/2021/12/96634
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/reg45/article/view/251837