รู้เร็ว มะเร็งร้ายในปากคุณ
มะเร็งช่องปาก หนึ่งในภัยร้ายที่สามารถคร่าชีวีติของคุณได้ จากข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่ามะเร็งในช่องปาก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 6 ของผู้ป่วยมะเร็งที่พบในประเทศ โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย หากสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ และให้การรักษาทันท่วงที จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ สามารถหายจากโรคได้ แต่ปัญหาที่พบคือ ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 80 จะมาพบแพทย์ เมื่อมะเร็งอยู่ในระยะลุกลามแล้ว (advance stage) ทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร
พฤติกรรมก่อมะเร็งร้ายช่องปาก
การสูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเคี้ยวหมากพลู นับเป็นพฤติกรรมที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดสารก่อมะเร็งในเซลล์ของเนื้อเยื่อบริเวณนั้นให้เกิดการระคายเคืองในช่องปากและพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้
อาการของโรค มะเร็งช่องปาก
อาการเริ่มแรกของ โรคมะเร็งช่องปากจะมีระยะที่เรียกว่า Potentially Malignant Disorders (PMD) ซึ่งเราสามารถสังเกตความผิดปกติในช่องปากได้ เช่น รอยขาว (Leukoplakia) รอยแดง (Erythroplakia) ตุ่มก้อน หรือแผลเล็ก ๆ ในปาก ที่อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองเพียงอย่างเดียว หรืออาจให้ความรู้สึกเจ็บปวดร่วมด้วย จากระยะ PMD จะใช้ระยะเวลา 5 ปีในการพัฒนาเป็นมะเร็งช่องปากระยะที่ 1 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล
รู้ก่อน ป้องกันได้
ผู้ป่วยมะเร็งช่องปากในประเทศไทยกว่าร้อยละ 80 มักมาพบแพทย์เมื่อมะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม ทำให้ประสิทธิภาพการรักษาล่าช้าออกไป แต่หากได้รับการคัดกรองที่แม่นยำเริ่มรับการรักษาในระยะ PMD เป็นการรักษาโดยการใช้ยาทา บริเวณที่เป็นรอยโรค และติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยมีโอกาสหายได้ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตช่องปากด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ หรือปรึกษาทันตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านช่องปาก
โปรแกรมการคัดกรองมะเร็งช่องปากสำหรับประเทศไทย ช่วยป้องกันได้หรือไม่
แผนงานวิชาชีพทันตแพทย์เพื่อการดำเนินงานควบคุมยาสูบ สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนารูปแบบโปรแกรมการคัดกรองมะเร็งช่องปากสำหรับประเทศไทย ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558 เพื่อใช้คัดกรองผู้ป่วย รอยโรคมะเร็งช่องปากในประชากรไทยอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดย HITAP ศึกษาด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
ผลการศึกษาพบว่าโปรแกรมดังกล่าว ยังไม่มีความคุ้มค่า ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเทียบกับการไม่มีโปรแกรมคัดกรองฯ เนื่องจากโปรแกรมการคัดกรองฯ ถูกออกแบบให้มีหลายขั้นตอนเพื่อความเหมาะสมกับการดำเนินงานทั้งประเทศ แต่ทว่ายังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนในการดำเนินงานขั้นตอนในการตรวจคัดกรองมาก อีกทั้งเพิ่มภาระงานของบุคลากรทันตแพทย์ที่มีอยู่จำกัด
ที่สำคัญ การคัดกรองบางขั้นตอนมีประสิทธิผลต่ำ เช่น การตรวจรอยโรคด้วยตนเอง พบว่าคนทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์จะไม่สามารถค้นพบ หรือระบุรอยโรคที่เป็นได้ด้วยตัวเองอย่างถูกต้อง เนื่องจากขาดความรู้ที่ถูกต้อง เมื่อเทียบกับบุคลากรทางการแพทย์ เช่น ทันตาภิบาล หรือทันแพทย์ ทำให้คนที่อาจมีรอยโรคไม่เข้าถึงการรักษา
เพิ่มประสิทธิภาพโปรแกรมคัดกรองมะเร็งช่องปาก… ช่วยป้องกันมะเร็ง
HITAP เสนอผลวิจัยเสนอแนะเชิงนโยบาย 3 ข้อเพื่อพัฒนาโปรแกรมการคัดกรองมะเร็งในช่องปากสำหรับคัดกรองประชากรไทยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
1. เพิ่มประสิทธิภาพของการคัดกรองด้วยสายตาของประชาชนให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้รวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดกรองมะเร็งช่องปากด้วยตนเอง
2. เพิ่มประสิทธิภาพของการคัดกรองด้วยสายตาโดยทันตาภิบาล โดยการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมการคัดกรองมะเร็งช่องปากให้ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูง
3. ปรับปรุงขั้นตอนของโปรแกรมการคัดกรองฯ โดยลดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งลง จะทำให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของรูปแบบโปรแกรมการคัดกรองมะเร็งมากขึ้น โดยมี 3 ทางเลือกดังต่อไปนี้
โดยทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดคือทางเลือกที่ 3
มะเร็งช่องปากป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรอง หากมีการพัฒนาประสิทธิภาพของการตรวจคัดกรองจะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ยืนยาว
[1] การคัดกรองด้วยตนเอง คือ การคัดกรองด้วยสายตาของประชาชน โดยการใช้แบบสอบถาม
[2] การคัดกรองด้วยสายตาโดยทันตภิบาล
[3] การคัดกรองด้วยสายตา โดยทันตแพทย์
[4] การคัดกรองด้วยสายตา โดยศัลยแพทย์
- การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการคัดกรองมะเร็งช่องปาก